Wednesday, May 20, 2009

ช้อปของใช้

ของที่ไปซื้อมา ตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้วแหละ (จากหัวเรื่องที่บอกช้อปปิ้ง+การใช้คูปองน่ะ http://oohsworld.blogspot.com/2009/03/shopping.html) ไอ้ก้อนซ้ายบนน่ะ มีแต่ alli 120 เม็ดน่ะ ที่ใช้คูปองลด 10 เหรียญ จาก 59.99 นะ ส่วนกรอบรูปน่ะเป็นของ clearance จาก 16.99 เหลือ 2.99 เริ่ดมากๆ ไม่ถลอกปอกเปิก หรือบุบตรงไหนเลย อีก๊อตก็บอกให้เอามา 2 อัน แต่บ้านนี้ไม่มีที่จะตั้งข้าวของหรอก ส่วนไอ้กล่องใส่นามบัตรนั่น เป็นอลูมิเนี่ยม ลดจาก 6.99 เหลือ 2.99 มีขูดขีดนิดหน่อย เอามาใส่บัตรหมอทั้งหลาย ตะกร้าอีสเตอร์ฉลุสีเขียวนั่น อันละ 1 เหรียญ ซื้อมาไว้จัดกระเช้าให้อีมี่วันเกิด (สะไพ้ จ้า) แล้วก็ป๊อกกี้ของญี่ปุ่นนั่น ของอีมี่เค้า

รูปขวาบนนั่น ทุกอย่างยกเว้น Pringles จ่ายไป 2.99 ไอ้ Head & Shoulders ราคาพิเศษประจำสัปดาห์ จาก 5.99 ลดเหลือ 3.99 มีคูปอง ลด 2 เหรียญสำหรับซื้อ 2 ขวด ส่วน Centrum Silver 100 เม็ดนั่น ราคาเต็ม 8.99 ลดพิเศษประจำวีคเหลือ 6.99 พอซื้อมันมีสติกเก้อร์ instant saving ลดทันที 1 เหรียญ ติดอยู่ บวกกับ อิชั้นมีคูปองลด 3 เหรียญ อยู่ 2 ใบ สรุปจ่ายไป ขวดละ 2.99 ส่วนไอ้ Pringles น่ะ ได้มาฟรีๆ 2 กล่อง เพราะมีคูปองลด 1 เหรียญอยู่ 2 ใบ แล้วมันลดพิเศษจาก 1.99 เหลือ .99 พอใช้คูปองแล้วมันน่าจะคืนให้เอา 1 เซ็นต์เน๊าะ 5555 งกซะ

ส่วนทูน่า Bumbel Bee Spicy Thai Chilli (Seasoned Tuna Medley - Easy Peel Sensations) นั่น อิชั้นชอบกินอยู่คนเดียว คนอื่นไม่แตะเลย เผ็ดๆ หวานๆ กินกับแครกเก้อร์ เวลาขี้เกียจดีนักเชียว ไม่ต้องทำ ไม่ต้องเตรียม ไม่ต้องเก็บ โยนลงถัง..โครม..เสร็จ 5555 ส่วน Clorox 3 ขวด 5 เหรียญนั่น บ้านนี้ใช้ Bleach เปลืองมากๆ เพราะชุดชั้นใน ถุงเท้า เสื้อผ้าสีขาวจะเยอะมากๆ พอถูกก็ต้องรีบๆ ซื้อไว้

page-342

ทำข้าวมันไก่เลี้ยงลูกมา 2 วันแล้ว น้ำจิ้มเหลือตั้งแต่ปางก่อน ใส่ฟรีซเซ่อร์ไว้ อีมี่เค้าชอบ ส่วนไอ้ตี้ก็กินเยอะหน่อยนึง ดีกว่าเอาอย่างอื่นให้กิน คุณแม่นั้นต้อง “แด๊ก” ควบคู่ไปกับยาดักไขมัน 5555

 

 

คัน คัน คัน คัน

อากาศบ้าๆ บอๆ เดี๋ยวอุ่นขึ้นมา 2-3 วันนี้เกิดหนาวเยือกขึ้นมาอีก ลมแรงมาก แถมบอกว่ามี dust storm อีก เป็นคนที่คันคะเยอมากมายกว่าใครๆ อยู่แล้ว เลยคันกันไปยกใหญ่ นอกจากคันด้วยโรคจิตที่อีมี่เอาเหาเข้าบ้าน พ่อ แม่ลูก เกา หัว หู หาง แก่กๆๆๆๆ หาอะไรชะโลมทาทั้งวี่ทั้งวัน ยิ่งอีพวก Body Lotion & Body Cream ของ Bath & Body Works ช่วยอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เข้าใจเอาเองมาตลอดว่าของพวกนี้ใช้โลชั่นหรือครีม-เกรด “กิโล” คือมีส่วนประกอบดีๆ อยู่ใน % ต่ำๆ จุดขายหลักคือ “กลิ่น” แฟนซีมีให้เลือกมากมาย และแพ๊คเกจน่าจะเป็นเรื่องรองๆ ลงมา ก็เลยไม่ค่อยได้ซื้อพวกโลชั่นหรือครีมยี่ห้อนี้มาเท่าไหร่ หนักไปทาง Liquid Soap, Bath Gel, Shower Gel และ Bath Foam มากกว่า แต่ก็ซื้อตอนเค้าลดแหลกเหลือขวดละ 2-3 เหรียญ เท่านั้น จริงๆ แล้วคนที่สนุกใช้คือลูกและผัว ตัวเองเป็นคนติดอ่าง 555 ติดอาบน้ำอ่างตั้งแต่เมืองไทยแล้ว 555 เพราะชอบแช่น้ำอุ่นจัดๆ เลยไม่ค่อยใช้สบู่ จะใช้สบู่ก็เฉพาะจุด จุด จุด คือ แถวง่ามๆ เท่านั้น 5555 ง่ามแขน ก็ จั๊กกะแร้ไง ง่ามขา ก็ รู้ๆ กันอยู่ 555

กลับมาเข้าเรื่องคันๆ คือไม่ใช้โลชั่นแฟนซียอดนิยมใด จะหาซื้อแต่แบบที่ rich มากๆ แต่กลิ่นต้องไม่ “อวล” หอมหึ่งมากมาย หรือ สาปสางเขียว ไม่มีกลิ่นเลยก็ดี ก็เลยใช้ไอ้ 4 ขวด (หลอด) รูปบนซ้ายมาตลอด แต่พอมันคันๆๆ แบบไอ้ครีม โลชั่น พวกนั้นเอาไม่อยู่ ทาจนมันเมือกแบบนั่งนอนไม่ได้ เดี๋ยวเลอะเปอะเปื้อน แต่แป๊บเดียวแหละ ผิวแห้งอีกแล้ว เลยไปซื้อไอ้ JOHNSON'S ® Baby Oil Gel with Aloe Vera & Vitamin E มาใช้ ใช้อยู่เกือบอาทิตย์แล้ว เรียกว่าเป็น my number one ตอนนี้เลย กลิ่นก็น่ารัก 555 เบบี้ดี แต่ใช้ยากนิดนึง บีบยาก มือไม้มันเมือก กลับไปจับขวดอีกบีบๆๆๆ ลื่นเหนอะ เลยเอาใส่ขวดปั๊มซะหมดเรื่องหมดราว สะดวกดี

คราวนี้มาถึงหนังกะบาล คันๆๆๆ อิ๊บอ๋าย ใช้แชมพู ครีมนวดอะไรก็ไม่หายคัน ทั้งคันโรคเรื้อนอยู่เป็นทุนมากมายแล้ว OLUX® Foam ยาที่ใช้ - ก็เป็น Class I steroid power เลยเชียว ยิ่งใช้ผิวยิ่งบาง แต่ก็ใช้มาเกือบ 5 ปีแล้ว (on & off) แล้วแพงโคตรๆ ด้วย (หลอดละ 100g ใช้ได้ประมาณ 2 สัปดาห์) co-pay 20% ต้องจ่ายประมาณ 70 เหรียญ ราคาเต็มสยองมาก ถ้าไม่มีประกันคงย้ายไปอยู่หมู่บ้านขึ้ทูตกุดถังนานแล้ว 5555 นอกเหนือจากใช้ไอ้โฟมราคาทองคำนั่นแล้ว ก็ใช้ไอ้ Scalpicin Maximum Strength สลับสับหว่างเรื่อยมา ไอ้นี่ซื้อได้ที่ drugstore ทั่วๆ ไป ราคาประมาณ 7 เหรียญ ตอนนี้คันหัวก็บีบๆ ทาๆ ยีๆ หนังกะบาล มันก็พอทุเลาแหละ ส่วนไอ้ Head & Shoulders soothing lotion ใช้แล้วไปไหนไม่ได้เพราะผมกังๆ แข็งๆ เวลาเกาๆ สางๆ ก็เป็นคราบขาวๆ ตุ๊เรดมากๆ มันก็พอทำให้ทุเลาหายคันลงบ้าง แต่ไม่ชอบเลย ส่วนไอ้กันแดดขวดทองนั่นเอามาแปะให้มันเต็มๆ กรอบรูปเฉยๆ เป็นกันแดดที่ชอบอยู่ตอนนี้

page-365

 

Beauty Talk

วู้ฮู้… จั่วหัวซะเหมือนโปร 555 คืออยากให้บล็อกนี้เป็นอะไรที่จัยฉ่ายอย่างตั้งใจ คือ พล่ามไปโม้ดด… อย่างไม่มีขอบเขตจำกัด แถมมีหลายๆ ทั่น สนใจผ่านเข้ามาอ่านเรื่องสวยๆ งามๆ ของอิชั้น (ที่มีอยู่น้อยนิด) มากกว่าเรื่องอื่นๆ วันนี้เลยต้องขอเปิด Preview+Review เครื่องสำอางอย่างเป็นเรื่องเป็นลาววววว 5555 เชิญชมค่ะ

เริ่มจากไอเท่มล่าสุดที่ซื้อมา

IMG_9733-s 

M.A.C Prep + Prime Transparent Finishing Powder

M.A.C Prep + Prime Transparent Finishing Powder ตามที่เค้า “คุยโวโอ้อวด” ไว้ ว่า A silky finishing powder that provides an invisible way to set makeup. Reduces shine while optically minimizing the look of pores, lines, imperfections. Available in one universal colour that suits all shades. Wear over makeup or on bare, moisturized skin.

หลังจากลองใช้มาระยะนึง ต้องบอกว่า ถูกใจเจ้าค่ะ ข้อติก็คือ ราคาที่แพงไปหน่อยถ้าเทียบกับปริมาณ

ยิ๋งทดมีผิวแบบ combination ที่ทีโซนมันย่อง ส่วนแก้มจะแห้ง และมีสิว ฝ้า กระ ครบค่ะ ได้ทดลองใช้แป้งนี้กับหลายๆ ผลิตภัณฑ์ (ทุกครั้งที่ใช้จะลงแป้งด้วยแปรง MAC's 187 Duo Fibre ค่ะ) ผลมีดังนี้ เด้อค่ะ

1) Moisturizer > Anessa Gold > M.A.C Prep + Prime TFP – หน้าไม่มันไปตลอดวัน จนถึงออกจะแห้งไปนิดนึงค่ะ เนียนเรียบดี

2) Moisturizer > Clinique City Block SPF 40 > M.A.C Prep + Prime TFP – กันแดดตัวนี้มี tint สีเหมือนรองพื้น-เลยปกปิดได้พอประมาณ ดูเนียนไปถึงเย็น คุมมันได้ดี แต่ไม่รู้สึกแห้งตึง

3) Moisturizer > Mistine BB Cream > M.A.C Prep + Prime TFP – ปกปิดนิดหน่อย คุมมันได้พอประมาณ เรียบเนียนไปถึงบ่ายๆ พอเย็นค่ำ เหมือนไม่ได้ทาอะไรเลย

4) Moisturizer > Hanskin Glossy Magic > M.A.C Prep + Prime TFP – เหมือนไม่ได้ทาอะไรเลย ไม่ปกปิดอะไรเลย แต่หน้าไม่มันไปทั้งวัน

5) Moisturizer > M.A.C Prep + Prime TFP – เหมือนล้างหน้าสะอาดแล้วไม่ทำอะไรเลย ฝ้า กระ แผลสิว อยู่ครบ เห็นชัด แต่หน้าไม่มันไปถึงเย็นเลยค่ะ

ก่อนหน้านี้ใช้ Laura Mercier Loose Setting PowderTranslucent มาตลอด และถูกใจ ไม่มีปัญหาใดๆ คิดว่าแป้งทั้ง 2 ชนิดแทบจะให้ผลที่ไม่แตกต่างกันเลย ราคา M.A.C จะแพงกว่า ส่วนคุณภาพก็สูสี แทบไม่ต่างกันเลยแหละ

Laura Mercier Loose Setting Powder ขนาด 29 G / 1.0 OZ … $34

M.A.C Prep + Prime Transparent Finishing Powder ขนาด 8 G / 0.28 US OZ … $21 แค่ 8 กรัม แพงนิ

IMG_9723-s

ต่อมาก็ M.A.C Mineralize Skinfinish สี Refined

ปกติไม่ค่อยซื้อบลัช ไม่มองด้วยแหละ เพราะมีบรอนเซ่อร์ของลังโคมซึ่งใช้เป็นบลัชมาโกฏปีแล้วไม่หมดซักที ไม่คัน ไม่เหม็น ก็เลยไม่ทิ้ง งกจ้างก แถมมีบลัชปัดแก้มไอ้พวกของแถมมีอีกหลายอัน แต่ไอ้ M.A.C Mineralize Skinfinish – Refined เนี่ยเล็งกันอยู่นาน ล่าอ่านรีวิวมาหลายเดือน ในที่สุดก็สอยมาซะให้สิ้นเรื่องสิ้นราว

สี Refined ก็คือ Golden Peach Powder ไม่ส้มจัดจ้าน ดูเป็นธรรมชาติแบบ Sun Kisses และมี Shimmery เยอะพอสมควร-คือกำลังงามแหละ แต่ถ้าปัดหนักๆ ก็เหมือนปอบฉบับเมตทาลิกได้ แต่ไม่เป็นตูดลิงแน่นอน เนื้อละเอียดดี นอกจากใช้ปัดแก้ม ยังใช้ทาตา หรือ คอ คาง หัว หาง ทาได้หมดแหละ ใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ตลับใหญ่คงใช้ไปนาน ถ้าหมดแล้วจะซื้ออีกหรือปล่าว คงไม่ซื้อหรอก เพราะกว่าจะหมด คงมีอะไรใหม่ๆ ที่เทรนดี้กว่า มาล่อตา ล่อใจ ล่อเงินออกไปจากกระเป๋าแน่นอน

บลัชตลับนี้ซื้อหามาในราคา $27 ขนาด 10 G / 0.35 US OZ ก็แพงยู้…. คุณปั๋วซื้อให้จ้า

 

IMG_9464-s

Rimmel Stay Matte Pressed Powder - Transparent อันนี้ซื้อมาในราคาถูกมาก เพราะซื้อตอนลดครึ่งราคาแล้วมีคูปองลดพิเศษอีก $1 (4.99 – 50% - $1 = $1.50 + Tax อีกนิดหน่อย แป้งราคาเหรียญฝ่าๆ เนี่ย ถูกและดี หาได้ที่ไหนง่ายๆ เชื่อเหอะ อันนี้ซื้อเอง 555)

อิชั้นใช้แป้ง Rimmel ตัวนี้หลังจากขั้นตอนลง moisturizer และ กันแดด แล้วตามด้วยพวก finishing powder แรกๆ จะดูวอกๆ ลอยๆ เหมือนทาแป้งเด็กค่ะ พอทุกอย่างเริ่มเซ็ตตัว ก็จะดูเรียบเนียนกลมกลืน ควบคุมความมันได้ดี (อาจจะเป็นผลร่วมมันกับพวก finishing or setting powder ที่ใช้ควบคู่กันก็ได้) โดยรวมถือว่าคุณภาพเกินราคา

แต่ตลับก๋องแก๋งแบบรีฟิล ไม่มีพัฟ หรือกระจก พกไปไหนลำบาก (เวลาลงแป้งอันนี้จะใช้พัฟแบบหนาๆ แล้ว กดๆ ตบๆ แตะๆ โปะๆ) ถ้าหมดแล้วซื้ออีกแน่นอน แต่ต้องรอเก็บคูปองและซื้อตอนเค้าลดราคาเท่านั้นค่า

 

IMG_8808

Estee Lauder Shimmering Powder Pearls Face Illuminator

เป็น Estee Lauder’s Limited Edition เมื่อ Summer 2008 ในคอลเลคชั่นชื่อว่า Pearls of Light ค่ะ ไม่รู้ซื้อมาทำไม ใช้นับครั้งได้ มันวาววับจนน่ากลัว ทากลางวันก็ลิเก ทากลางคืนก็งิ้ว อาจเป็นเพราะใช้ไม่เป็นก็ได้ ขายมาคู่กับแปรงที่หมุนเก็บได้ (ลืมถ่ายรูปแปรงค่ะ) พูดได้คำเดียวว่าเสียดายตังค์ค่ะ  จะทิ้งก็เสียดาย เก็บไว้ดูเฉยๆ เพราะน่ารักดี นานๆ ก็เอามาไฮไล้ท์โหนกและดั้งซะหน่อยนึง

scan0003

MAYBELLINE Dream Liquid Mousse foundation เป็น Liquid mousse ที่เค้า “อวดอ้างสรรพคุณ” ว่า air-whipped formula provides skin perfecting coverage. ซื้อมาในราคา $6.25 ขนาด 1 fl oz จริงๆ แล้วราคาเต็ม $9.49 แต่ไปซื้อใช้คูปองลด $3 ที่เค้าแจกมาค่ะ เพราะว่าได้ตัวอย่างสีที่เค้าแจกมาก็เลยต้องหาเรื่องไปเสียเงิน อันนี้ก็ซื้อเองอีก 555 มีเงินเป็นของตัวเอง 555 ไม่ต้องง้อซะมี

Foundation-01

ตัวรองพื้นเป็นเนื้อครีมเบาๆ พอทาแล้วกลายเป็นแป้งเนื้อ Matte ไม่มัน เนียนไปทั้งวัน (ถ้าใช้ร่วมกันเมคอัพเบส) แต่ถ้าใช้เดี่ยวๆ พอผ่านไปซัก 2-3 ชั่วโมง ทีโซนเริ่มส่องแสง และถ้าใช้พวก setting หรือ finishing powder ก็ช่วยได้เยอะ เป็นรองพื้นที่ปกปิดปานกลาง ไม่มีซันสกรีน รวมๆ แล้ว เป็นรองพื้นที่สบายหน้า ไม่หนัก เกลี่ยง่าย สี Nude-Light เบอร์ 4 เป็นสีที่เข้มกว่าผิวจริงของอิชั้น 1 ระดับ (จากตัวอย่างที่ได้รับ เบอร์ 3.5 จะพอดีแบบเป๊ะๆ) แต่พอใช้แล้วก็เข้ากับสีผิวดีนะคะ

ไหนๆ พูดถึงรองพื้นไปแล้ว ขอต่อด้วยรองพื้นอีกตัวนึงเลยละกัน

IMG_0017

Prescriptives Flawless Skin Total Protection Makeup SPF 15 สีที่ใช้คือ Sand (08) ของโทน Yellow/Orange (Y/O) ซื้อมาในราคา $39.50 ขนาด 1 oz. ตัวนี้ไม่ใช่ Custom Blend คือเทียบสีแล้วซื้อกันเลย

รองพื้นตัวนี้ สรรพคุณบอกว่า This lightweight, long-wearing foundation provides natural-looking medium to full coverage for all skin types. Available in 30 shades. Oil free. แต่ยิ๋งทดคิดว่าเนื้อค่อนข้างหนักนิดนึง เรียบเนียนไปค่อนวัน ปกปิด “กระ” ได้ดีพอใช้ แต่ฝ้ายังเสนอหน้าอยู่ครบ ถ้าลงแบบหนา (ลูบแล้วลูบอีก ย้ำคิดย้ำทำ) อาจปกปิดได้มากขึ้น แต่ไม่ชอบลงรองพื้นแบบหนาๆ หรอกค่า อิชั้นชอบใช้แปรงเวลาลงรองพื้น-ทำให้สะดวกขึ้น (ไม่ถนัดใช้มือหรือฟองน้ำลงรองพื้นเลย) มีกันแดด SPF 15 แต่ด้วยความเคยชินก็ลงกันแดดหลัง moisturizer เป็นรูทีนอยู่แล้วทุกเช้า (SPF 15 ช่วยอะไรไม่ได้หรอก แถวที่ๆ ยิ๋งทดอยู่น่ะ “กึ่งทะเลทรายเลยค่ะ Rain or Shine ต้องลงกันแดดทุกวัน แต่ “ครีมกันแดก” ไม่มีใครผลิตขายซะที ก็เลยต้องเป็น “น้องหมุด” ต่อไป) พอใช้รองพื้นตัวนี้แล้วก็ชอบในระดับหนึ่ง มันให้ความรู้สึกว่าเป็นการแต่งหน้าแบบเต็มขั้นตอน ไม่เหมาะกับวันสบายๆ ถ้าใช้หมดแล้วก็คงจะหมดเลย ไม่ซื้อแล้วหล่ะ ถึงจะเป็น Bestseller ก็ตาม เพราะอยากลองยี่ห้ออื่นดูบ้างนี่นา

IMG_8797

ท้ายสุดสุดท้าย อายเบส 2 ยี่ห้อที่มีอยู่ในครอบครอง

อันแรกคือ Estee Lauder Double Wear - Stay-in-Place EyeShadow Base ซึ่งโอ้อวดไว้ว่า Gives powder eyeshadow 15-hour staying power แต่ว่า ไม่เป็นดังคำที่ว่าไว้เลย เนื้อครีมเหนียว เกลี่ยยาก ทิ้งไว้ซักพัก หรือลง eyeshadow ทันทีก็ให้ผลที่เหมือนกันคือ eyeshadow เกลี่ยยาก หนืดติดบนเนื้อครีม พอพยายามถึงขั้นสุดๆ ผลออกมาพอทนดูได้ ไม่เรียบเนียนสวย อีกเพียงไม่ถึงชั่วโมงตรง crease รอยพับบนเปลือกตาก็มันเมือก eyeshadow เลอะเลือน สรุปต้องโยนทิ้งไป เพราะไม่รู้จะเก็บไว้ทำไมค่ะ $15 ลอยหายไปในอากาศ ห่วยแตกสุดๆ เจ็บใจมากกกกก….

กลับมาซบอกที่รักเก่า Urban Decay - Eyeshadow Primer Potion ใช้แล้วชอบ และจะใช้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ดิ้นรนหาอะไรมาลองอีกแล้ว ข้าน้อยเข็ดหลาบ อันนี้เนื้อครีมเกลี่ยง่าย ทิ้งให้เซ็ตตัวซักพักนึง แล้วค่อยลง eyeshadow จะทำให้เกลี่ยง่ายขึ้นไปอีก และ eyeshadow ที่ทาไว้ stay-put ทั้งวัน รอบพับ crease ไม่เลอะเทอะเป็นมันให้โมโห งามเด้งเช้าถึงค่ำเลยค่า

จบและสำหรับรีวิว บิวตี้ทอล์ก (อย่างโปร) ครั้งแรกของอีชั้น เฮ้ออออ…. เหนื่อยเฟ้ย