Friday, February 25, 2011

มหากาพย์แปรงแต่งหน้าของอิชั้น (My Makeup Brushes Haul)

ต้องออกตัวไว้ก่อนว่า บ้าบอมากมายเกี่ยวกับแปรงแต่งหน้า แต่งหน้าแต่งตาก็ไม่เข้าท่า แค่เป็นบ้าชอบซื้อแปรงเท่านั้น และที่เห็นทั้งหมดนี้ไม่ได้ขนโขยงซื้อมันรวดเดียว ซื้อมันเรื่อยเปื่อย เปะปะ ทีละอัน สองอัน ตั้งแต่แปรงอันแรก จนถึงอันล่าสุด น่าจะใช้เวลาเกือบ 30 ปี แปรงทั้งหลายที่มีอยู่ในครอบครองมีทั้งถูกทั้งแพง (บางอันที่อิชั้นว่าแพง อาจจิ๊บจ๊อยมากสำหรับหลายๆ ท่าน แต่มันแพงสำหรับอิชั้น Please don’t judge me and don’t take it personal…it’s just my opinion na ka) จริงๆ แล้ว ในตลาดเครื่องสำอาง..มีแปรงแต่งหน้ามากมายหลายระดับราคา บางยี่ห้อก็แพงมากกกก… อันละเป็นหมื่นบาท (อันละนะคะ ไม่ใช่ชุดละ) อิชั้นคงไม่ซื้อหรอก แพงเกิ๊นนน… มีตังค์เหลือเฟือ ยังต้องขอคิดดูก่อน ที่ซื้อก็ไม่ได้ทำให้ครอบครัวเดือดร้อนค่ะ ซื้อไปเรื่อยตามดวง ตามวาระและโอกาส บางอันก็ได้มาฟรี ซื้อโน่นนี่แล้วได้แถมบ้าง อยู่ในแพ๊คเกจบ้าง เมื่อวานล้างแปรงแต่งหน้าที่ใช้ๆ อยู่ แล้วก็เอาแปรงที่ล้างสะอาด ผึ่งแห้งจากครั้งก่อนๆ ออกมาเสียบๆ ใส่ที่ตระกร้าที่พร้อมหยิบใช้ แล้วก็เลือกแปรงที่ไม่ได้หยิบจับมาใช้เลยออกไปเก็บ พินิจพิจารณา โอ้โห….อีบร้านี่ ทำไมมันช่างเยอะแยะตาแปะก่ายมากๆ มาดูกันเลยดีกว่า

IMG_1520 copy

เซ็ตแรกที่นำมาให้ชมเป็นแปรงที่ใช้ในงานศิลปะ หลังจากที่ดูเค้ารีวิวว่าแปรงพวกนี้คุณภาพสูสีกับแปรงของ M·A·C (ทำไมต้องแม๊คตลอดเลยน๊าาา…) มีรีวิวและพูดถึงเยอะมากๆ ไปหาดูกันได้ง่ายๆ ในยูทู้บ ไอ้เจ้าแปรงข้างบนทั้ง 4 ด้าม อิชั้นไปลากมาจาก Michael’s - The Arts & Crafts Store ตอนที่มันลด 40% off จริงๆ มันก็ราคาไม่แพงอยู่แล้ว พอได้ลดก็เลยถูกเข้าไปใหญ่ จำไม่แม่นเพราะซื้อมานานแล้ว น่าจะจ่ายไปอันละ 1 - 2 เหรียญเท่านั้น เค้าบอกว่าทั้ง Loew Cornell Paint Brushes และ Royal Softgrip Brush ขนมันเป็น natural hair (goat hair) หลังจากที่ลองใช้มาร่วม 2 ปี ใช้ๆ ล้างๆ อิชั้นขอสรุปว่าโอเคทีเดียว คุณภาพเกินราคา เวลาใช้และล้างตอนแรกๆ ก็มี shedding อยู่พักนึงเชียว เรื่อง Soft & Dense ขนแปรงก็นิ่มแต่ไม่ได้นิ่มมากมาย scratchy นิดๆ แบบทนได้ ด้ามยาวสะใจ สำหรับคนที่แต่งหน้าแบบใกล้ชิดติดกระจกเลยจะเกะกะไปนิด ราคาและคุณภาพเหมาะกับคุณหนูๆ น้องๆ ที่ budget น้อย และ beginner ทั่วๆ ไปค่ะ ไม่รู้ใครลองใช้แปรง “สง่า มยุระ” บ้าง คิดว่าถ้าได้กลับบ้านเมื่อไหร่จะไปลองซื้อมาใช้ดูบ้าง ไทยทำ ไทยใช้ ไทยเจริญ ….. แต่ราคาตอนนี้เป็นยังไงไม่รู้ จำได้ตอนเด็กๆ แพงอยู่เหมือนกัน…. เงินสมัยเด็กๆ นี่เน๊าะ

รูปบนนี้เป็นแปรงปัดแป้ง Powder Brush ชอบแปรงพวกนี้ที่มันแบนๆ นิดนึง ไม่กลมดิก แล้วเค้าก็ Tapered ให้ปลายโค้งมนใช้ง่ายขึ้น

อันที่ 1 และ 2 จากบน ด้ามดำๆ นั่น ยี่ห้ออะไรไม่รู้ 555 ดูกันเอาเอง กูเกิ้ลก็ไม่เจอค่ะ มิสเตอร์โนเนมนี่ใช้มานานกว่า 15 ปี หรือกว่านั้นไปเยอะเลย จำได้ไม่แม่นว่าได้มาจากไปเรียนแต่งหน้าจากที่ไหน เพราะเมื่อสมัยสาวๆ ไปเรียนแต่งหน้าตามเค้าน์เตอร์บ่อยมาก คือซื้อของเค้าเยอะๆ พอเค้ามีนวดหน้า สอนแต่งหน้า อะไรๆ ก็ได้ไปเรียนฟรีๆ คอร์ส 1 วัน ครึ่งวัน ก็ว่ากันไป ซื้ออุปกรณ์เองเพิ่มได้..ถ้าโลภ 5555 จำได้ว่าเคยเรียนของเอสเต้ ลังโคม ดิออร์ ฯลฯ ซื้อแปรงตรงนั้นอันนึง ตรงนี้อันนึง ซื้อไปเรื่อย ไอ้แปรงแป้งอันนี้ (ที่มีหมายเลข 3 ที่ด้ามนะคะ) ดีมากๆ นุ่ม แน่นกำลังดี แปรงที่นุ่มๆ หลวมๆ โปร่งๆ บางๆ ใช้ยากนะคะ ส่วนตัวแล้วไม่ชอบเลยค่ะ แต่ถ้าขนแข็งโป๊กเลยก็ไม่ไหวค่ะ มันต้องพอดีๆ ค่ะ แปรงอันนี้พอดี ไม่กินแป้ง ปัดง่าย ไม่ shed ล้างมาเป็นร้อยที ยังดูดีอยู่ค่ะ อันแรกที่มีหมายเลข 2 กำกับนั่น ไม่ค่อยได้ใช้ค่ะ ขนแปรงยาวกว่า ถึงความ dense (แน่น) จะเหมือนๆ กัน แต่ขนที่ยาวกว่าเลยทำให้ปัดยาก คอนโทรลการใช้แป้งลำบาก ฟุ้งเกินไป เลยเอาไว้เป็นภารโรงเก็บสะอาดปัดแป้งที่ร่วงๆ ตามตลับต่างๆ ค่ะ

อันที่ 3 แม๊ค จ้า แม๊ค 5555 มีแปรงแม๊คที่เป็นเซ็ต อยู่เซ็ตนึง (8 แปรง) แต่ไม่ค่อยแน่ใจว่าเป็นของแท้ เพราะไปบิดมาจากอีเบย์ จำได้ว่าไม่ถูกนะคะ 7-80 เหรียญเลยแหละ แต่ก็ใช้มันเรื่อยมา 2-3 ปีได้แล้ว ไม่ว่าพวกมันจะจริงหรือปลอม คุณภาพเหมือนแปรงที่ซื้อจากเคาน์เต้อร์ M·A·C เลย กลับมาที่แปรงแป้งของแม๊คอันนี้้เป็น M·A·C 150 โอเคเลยแหละ คุณภาพเป็นที่พอใจมาก เวลาใช้หรือล้างขนก็ไม่หลุดร่วง นานๆ จะมี shed ซักเส้นนึง ซึ่งแปรงอื่นๆ ก็เป็นเหมือนกัน น่าจะถือว่าเป็นเรื่องปกติมั๊ง ถ้าร่วงโครมๆ ไม่เลิก แบบไข้หัวโกร๋นคุกคาม คงถูกฌาปณกิจไปเรียบร้อยแล้ว….5555 แปรงนี้ถูกหยิบมาใช้บ่อย นุ่ม ใช้ง่าย หัวแปรงเค้า tapered (เหลา) ให้โค้งมน ขนาดของขนแปรง (ความยาว+ความแน่น) เรียกว่า พอดีๆ ด้ามแปรงยาวพอเหมาะ ใช้ได้ทั้งกับการลงแป้ง บลัช และบรอนเซ่อร์เลยค่ะ

อันที่ 4 จาก CoastalScents.com ชื่อว่า Italian Badger Chisel Powder Brush อันนี้ขนธรรมชาติเช่นกัน ทิ่มหน้าเจ็บนิดนึง เจ็บก็พอทนได้ค่ะ แต่รูปร่างและลักษณะของหัวแปรงมันเหมาะเจาะมากๆ กับงานลงแป้ง ใช้แล้วก็ถูกใจ ความ Dense พอดีๆ อันนี้ก็เป็นแปรงที่ชอบและใช้บ่อยๆ อันนึง

อันที่ 5 จาก CoastalScents.com เช่นกัน Large Paddle Face Brush (comparable to M·A·C 134) (เทียบกับแปรงแม๊ค ทำม๊ายยย…ทำไม ต้องเทียบกับแปรงแม๊ด จริงๆ แล้ว แปรงแม๊คไม่ใช่ the best on earth นะคะ ..สำหรับอิชั้น 555) ใช้แปรงอันนี้มานานพอสมควรแล้ว ก็ชอบ ใหญ่ดี ขนนิ่มและแน่นกำลังดี ไม่บาดหน้า เค้าชอบใช้คำว่า natural hair ซึ่งส่วนใหญ่ จะเป็น ขนแพะ (goat hair) ไม่ใช่ขนเพชรเด้อ 55555 จริงๆ มันจะเป็นขนสิงสาราสัตว์อะไร กระรอก กระแต หมา แมว หรือ road kills เจ้ก็โอเค เพราะต้องผ่านกรรมวิธีซัก ฟอก ล้าง ย้อม มาพอสมควรแหละ กว่าจะมาถึงมือผู้บริโภค ขอให้นิ่มและแน่นเหมาะกับงานก็พอแล้ว

คราวนี้มาที่แปรงสำหรับลงรองพื้นแบบลิควิด จากรูป ไอ้ 2 ด้ามแดงของ POSH นั่น ไม่ชอบ ไม่ได้ใช้เลยค่ะ เข้ากรุไปตามระเบียบ ที่ใช้บ่อยเป็น M.A.C. 190 Foundation Brush กับ Prescriptives Foundation brush สองอันนี้คุณภาพสูสีกัน กินกันไม่ลง 555 ลงรองพื้นได้เรียบเนียนดี หลังๆ ไม่ค่อยได้ใช้ Liquid Foundation บ่อยนัก และเวลาใช้ก็ถนัดลงรองพื้นด้วยแปรงแบบขนดูโอ้มากกว่า แปรงเหล่านี้ก็เลยถูกเก็บลงกล่องไปแล้ว

มีแปรงรองพื้นและคอนซีลเล่อร์ แบบ 2 หัว อยู่อัน เป็นแปรงคุณภาพดีราคาถูก แทบจะทุกแปรงของยี่ห้อนี้ (Essence of BEAUTY) คุณภาพดีมากๆ หาซื้อได้ที่ CVS แต่แปรง 2 หัวนี่เก็บยาก ต้องใส่เก๊ะ ใส่กล่องแบบนอนราบ ส่วนแปรงคอนซีลเล่อร์อันอื่นๆ ก็มีของ Laura Mercier แม๊ค แล้วก็ e.l.f ไม่ได้ใช้เลย เพราะลงคอนซีลเล่อรทีไรก็ นี่..เลย… “นิ้ว” ค่ะ 555 ทันใจกว่า …คว้าแปรงไม่ทัน 55 ไอ้ลอร่าปลายแหลมนั่น ไม่เคยใช้เลย ส่วนของ eye lip face นั่น อิชั้นเคยลองเอามาปาดเจลไลเน่อร์ เวิ๊กมากค่ะ

คราวนี้มาดู Flat Top มีอยู่ช่วงนึงที่เห่อ MMU Mineral Makeup ตามกระแสกะเค้าซะหน่อย แต่มีไม่เยอะหรอกค่ะ วิธีลงรองพื้น เบส หรือ แป้ง พวก MMU ต้องใช้วิธี Buff การบั๊ฟฟ์ ก็คือ วนๆ แปรงไปทั่วๆ หน้า ซึ่งแปรงที่จะทำหน้าที่บั๊ฟได้ดีก็คือแปรงหัวตัดตรง อันเล็กบนสุดเลยคือ Long Handled Kabuki ของ Everyday Minerals เป็น synthetic fibers ก็นุ่มแน่นดี เหมาะกับงาน MMU พอมันเป็นใยสังเคราะห์ที่นุ่มๆ มากๆ พอเราวนๆ มันจะย้วยๆ เลยรู้สึกว่ามันกินแป้งค่ะ

อันที่ 2 เป็นแปรง Bionic Flat Top Buffer Brush จาก CoastalScents รูปร่างหน้าตาต่างจาก อันแรก แต่คุณภาพและผลงานพอกันค่ะ นุ่มมาก ไม่บาดไม่ข่วนผิวหน้าดีค่ะ แต่บั๊ฟฟ์ ได้แบบ “งั้นๆ” ขนนุ่มย้วยไปนิด แต่ก็พึ่งพาได้ เอามาบั๊ฟแล้ว ก็แบบ…ฝนเข้าไป วนเข้าไป ถูเข้าไป เรียบกริ๊บพอใช้ เมื่อยจั๊กกะแร้กำลังดี 555

อันที่ 3  เป็นแปรงของ mark ซื้อมาจาก http://www.meetmark.com/PRSuite/home/home.jsp (mark เป็นผลิตภัณฑ์ ไลน์น้องสาวของ AVON) แปรง mark Blush + Bronzer Brush ความแน่นพอดี๊…พอดี บั๊ฟได้มันส์สะใจมาก แต่ขนร่วงเหมือนหมาขี้เรื้อน ร่วงแบบเต็มหน้าเลยค่ะ แล้วพอใช้ๆ ไป บานแฉ่งเสียรูปทรงมาก ถือว่าไม่คุ้มกับ $7.00 ที่จ่ายไป

ขอพูดถึงแปรงแป้งของ Posh ด้ามแดงทั้ง 2 อันพร้อมกันเลยนะคะ คือต่างกันที่ขนาดและพุ่มขน อิชั้นเอาไว้ปัดฝุ่นผงส่วนเกินบนหนังหน้าบ้าง และตามตลับ หรือ Palette ต่างๆ กลายเป็นนักการภารโรงไปเลย แปรงยี่ห้อนี้ค่อนข้าง “ห่วย” ขนแปรงค่อนข้าง scratchy นิดหน่อย คือ ไม่มากมาย ขนาดทนไม่ได้ 555 ความ dense ของขนแปรง ไม่ดี พอขนแปรงไม่แน่น แปรงก็จะไม่ค่อย “ดีด” พอไม่ดีด มันก็กวาดไป-กวาดมา เลยเหมือนไม่ได้ทำอะไร กลับไปถูไถเอาที่พอกๆ ไว้ก่อนเล่น…ซะงั้น คือว่าไม่ชอบ ไม่ถูกใจเลยค่ะ

ส่วนเจ้า Prescriptives ถูกคว้ามาใช้บ้าง แต่ไม่บ่อย ซื้อมาพร้อมกับ Prescriptives All Skins Mineral Makeup SPF (MMU ชิ้นแรกของอิชั้นเลยนะนั่น) ขนแปรงแน่นหนาพอดี บั๊ฟ MMU ได้ดี แต่รู้สึกว่า scratchy ไปนิดนึง เลยเป็นนางรองๆ ไป

ส่วนไอ้อ้วนขนขาวนั่นอันล่างขวานั่น เรียกว่าหลุดจาก inventory ไปเลย เพราะ เป็นแปรงหมาขี้เรื้อนอีกอัน มันร่วง ร่วง ร่วงงงงง… มากๆๆๆๆๆ  ขนแปรงแข็งโก๊ะ โยนไว้ในเก๊ะ จนลืมไปเลย เพิ่งค้นเจอ เดี๋ยวเอาไปให้ลูกเล่นดีกว่า ของถูกแล้วดีก็มีเยอะ ไอ้นี้ถูกแล้วห่วยซะ นี่ถ้าซื้อมาแพง จะเจ็บใจยิ่งกว่านี้อีก 55

มาถึงแปรง Skunk (Duo Fiber Stippling Brush) แปรงเอนกประสงค์ที่แสนรักฝูงนี้ จากบนลงล่างเลยนะคะ อันแรกเป็นแบบนกสองหัว 555 ด้านนึงเป็นแปรงแป้งอีกด้านนึงเป็นดูโอ้ไฟเบ้อร์ ยี่ห้อ Studio Basics ซื้อมาจาก CVS ราคา 7-8 เหรียญมั๊ง จำได้ไม่แม่น แต่มั่นใจว่าไม่เกินนั้น ขนสีดำทิ่มแทง scratchy นิดหน่อย ไม่ถึงกับเจ็บปวดอะไร ใช้ได้ดีมากทั้งสองด้าน คุณภาพเกินราคา ซื้อหามาใช้กันเลยนะคะ

แปรงสกั๊งค์คู่ต่อมาเป็น Silver Duo Fiber Stippling Brush จาก CoastalScents.com (เว๊บนี้ขายแปรงคุณภาพดีราคาย่อมเยาค่ะ) พอได้แปรงอันนี้มาอันแรก เลิ้บๆๆๆๆๆ ใช้ดีทีเดียว ก็เลยสั่งซื้อมาเพิ่มอีก 1 อันกับล๊อตต่อมา เอาไว้ใช้สลับกันเวลาที่ต้องล้างอีกอัน

คู่แฝดด้ามสีเงินคือ Prescriptives ซื้อ 1 แถม 1 มีที่มาที่ไปเล่าไว้ตรงนี้ค่ะ http://2ndperformance.blogspot.com/2011/02/marvelous-customer-services.html คู่แฝด Prescriptives คู่นี้ หัวแปรงค่อนข้างใหญ่ จะเอามา Stippling ลงรองพื้นค่อนข้างยาก เอาไว้ลงแป้งทั่วๆ ไป หรือพวก finishing powder จะดีกว่าค่ะ

อีกอันคือ M·A·C 187 ซื้อจากเคาน์เต้อร์ M·A·C เป็นแปรงนางเอกที่ใครๆ ก็หลงรักและพูดถึงมากที่สุดว่าเป็น must have ของสตรีทุกนาง อิชั้นก็เลยต้อง “แฮฟ” จะได้ไม่ตกเทรนด์ 555 ไปซื้อมาจากเค้าน์เต้อร์เลยค่ะ ใชแล้วก็..อืม…แบบ… มันก็ “ครือๆ” กันค่ะ

อันล่างสุด เป็นสกั๊งค์น้องเล็กที่อิชั้นมีค่ะ เป็นแปรงเอนกประสงค์ที่ good for almost everything; blending, highlighting, contouring, and all over application เลยนะคะ ต้องบอกว่า “เลิ้บ” ค่ะ คว้าใช้ทุกครั้งที่แต่งหน้า ลงบรอนเซ่อร์ ไฮไล้ท์ แต่ไม่ใช่งานใหญ่แบบลงแป้งทั่วหน้านะคะ คงต้องปัดกัน “ง่อย” เลย 5555

อิชั้นชอบใช้ bronzer ไม่ค่อยทาบลัชออน นานๆ เอามาปัดที ไอ้แปรสกั๊งค์งพวกนี้ปัดออกมาสวยทีเดียว ใช้เวลาทาบลัชก็ไม่หนาหนัก-แดงเป็นตูดลิง แถมใช้ลงรองพื้นแบบลิควิดได้เริ่ดเนียนเด้งขนาดที่เรียกว่า Airbrush Finish เลยทีเดียว วิธีทีอิชั้นใช้เวลาลงลิควิดฟาวเดชั่น ก็คือการ Stippling โดยใช้ปลายขนสีขาวแตะรองพื้นเพียงเบาๆ แต่ให้ทั่วถึงทั้งหน้าแปรง แล้วเอามาแตะๆ ทิ่มๆ จิ้มๆ ที่หนังหน้าให้ทั่ว แล้วเอาแปรงเดียวกันนั่นแหละ วนๆ เบาๆ ช่วยให้รองพื้นดูไม่หนาหนักค่ะ แล้วไอ้แปรงพวกนี้ใช้ลงแป้งทั้งหลาย ไม่ว่า loose powder หรือ pressed powder ได้งามด้วยนะคะ ประโยชน์เยอะ มีไว้หลายๆ อัน ไม่เสียหลายค่ะ เพราะลงรองพื้นแล้วก็ต้องล้างทุกครั้ง จะได้มีสำรองไว้ลงแป้งหรือลงรองพื้นในวันถัดไป ถ้าแปรงนั้นแห้งไม่ทัน

ถ้าจะให้สรุปว่ารักแปรงสกั๊งค์อันไหนมากกว่ากัน ตอบยากค่ะ เพราะทุกๆ แปรงจากรูป คุณภาพเท่าๆ กันเลย ถึงแม้จะต่างราคา ต่างยี่ห้อ จะแตกต่างกันก็ขนาดของพุ่มแปรงใหญ่เล็กต่างกันนิดหน่อย และลักษณะของด้ามจับ สั้นยาวไม่เท่ากัน

กลุ่มนี้เป็น contour and shading brushes ถือว่าเป็นแปรงที่ใช้ทุกครั้งที่แต่งหน้าเลยค่ะ สองอันแรกคือ แปรงศิลปะ (พูดถึงข้างบนค่ะ) ถือว่าพอใช้ได้เลยค่ะ 

ต่อมาเป็น นังนาร์ Nars - Yachiyo Brush #27 (Kabuki Artisan Brushes) อยู่กันมาหลายปีแล้ว เคยเป็นแปรงที่ใช้บ่อยมาก แต่มันค่อนข้างจะ scratchy นิดๆ นะคะ ใช้ลงบลัช บรอนเซ่อร์ คอนทัวร์ ไฮไล้ท์ ปัดแป้ง ฯลฯ เอนกประสงค์มากๆ พอแก่ตัวลงดูเหมือนจะแยกร่าง ไอ้ที่พันๆ อยู่ชักจะหลวมๆ เหมือนจะหลุด เลยเอาเข้าพิพิธภัณฑ์แปรงของอิชั้นไป ต้องยอมให้ปลดเกษียรไปซะ

ต่อมาเป็นนิกซ์ NYX ไม่มีอะไรต้องพูดถึงค่ะ แปรงอันนี้คุณภาพแย่มาก ไม่ประทับใจ ถึงจะราคาถูกก็เสียดายตังค์ค่ะ

แปรงถัดมาคือ M.A.C 109 - Small Contour Brush เป็นแปรงสุดรักอีกอันนึงค่ะ อันนี้เป็นแปรงที่ซื้อจากเคาน์เต้อร์ M·A·C หยิบมาใช้บ่อยมาก เป็นอีกแปรงนึงที่สารพัดประโยชน์ ใช้ทำคอนทัวร์และเฉดดิ้งได้ ปัดแก้มได้ ลงรองพื้นแบบลิควิดได้งามมากด้วย ทำสะอาดปัดกวาดส่วนเกินผงชาโด้ว์ใต้ตาและแก้มได้ แรกๆ ขนร่วงทุกทีที่ใช้ ไม่รู้ว่าได้ดีเฟ็คมาหรือป่าว ว่าจะไปคืนหรือแลกเอาอันใหม่มา ก็ใช้ๆๆๆๆๆ จนลืมเรื่องเอาไปคืน สุดท้าย..อยู่ด้วยกันมาจนถึงทุกวันนี้ ใช้มาใช้ไป ขนก็เลิกร่วงแล้วค่ะ ขนนุ่มแน่นแบบพอดี๊…พอดี ชอบๆๆๆ

แปรงนกสองหัวอันต่อมา เป็นของ Essence of BEAUTY คุณภาพ “เริ่ด” ทั้ง 2 หัว ไอ้ที่ตัดเฉียงคุณภาพพอๆ กับแม๊ค 168 เลยค่ะ ส่วนไอ้หัวจุกอีกข้างก็เริ่ดมากมาย เหมือนแม๊ค 109 แต่ขนาดเล็กกว่า แปรงนี้ต้องบอกว่า recommended มากๆ ค่ะ

นังพ๊อชด้ามแดง ไม่โปรดเลย คุณภาพงั้นๆ เลยไม่ค่อยได้ใช้ จะเอามาปัดกวาดเก็บฝุ่นใต้ตาบ้าง (โปรดสังเกต นังพวกด้ามแดงของ POSH ไม่ประทับใจอิชั้นเลยค่ะ เข้ากรุไปซะเกือบทั้งหมด)

ต่อมาเป็นแปรง M·A·C 168 อันนี้ก็พอใช้ได้ค่ะ แต่สู้ Sonia Kashuk - Angled Contour Blusher Brush ไม่ได้เลย กลายเป็นแปรงลงบลัชแบบนางรองๆ ไปค่ะ ก็หยิบมาใช้บ้างเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ขวัญใจ

แท่น…แทน…แท๊นนนน….. มาแร้วววว…แปรงนางเอกของอิชั้น แปรงเลิ๊บสุด อันดับ 1 ของอิชั้นเลยค่ะ มันคือ Sonia Kashuk - Angled Contour Blusher Brush ขนนุ่มมาก ความแน่นพอดีมากๆ ความยาวของขนและมุมการตัดเฉียงก็พอดีเหมาะเจาะ ใช้ทำเฉดดิ้งได้ดี ลงบรอนเซ่อร์ได้อย่างใจ แปรงแบบนี้ใช้ได้สารพัดประโยชน์เหมือนกันนะคะ  ราคากลางๆ ค่ะ ไม่ถูกไม่แพง ชอบมากจนอยากไปลากมาอีก 5555 ไปTarget ทีไร ก็เห็นหมดทุกที ซื้อมาเพิ่มแน่นอนค่ะ แรกๆ ขนร่วงนิดหน่อย หลังๆ อยู่ตัวอยุ่ที่อยู่ทาง ไม่ร่วงแล้วค่ะ แปรงอะไรไม่รู้ ดี๊ดี 55555 เลิ๊บๆ

มาถึงอันสุดท้ายเป็น Sonia Kashuk - Synthetic Flat Blusher Brush เป็นแปรงยี่ห้อ Sonia Kashuk อันแรกที่ซื้อเลยค่ะ ซื้อจาก Target ขนเป็น synthetic taklon ซื้อเพราะเห็นเป็นหัวตัดตรง กะว่าจะเอามาบั๊ฟ MMU ขนนุ่มละเอียดและแน่นมาก บั๊ฟจนกล้ามขึ้น กว่าจะวนทั่วหน้า ผิดหวังอย่างแรง ขนนุ่มจนย้วย ความที่ขนนุ่มมากเลยแพ๊คมาซะแน่น ไม่รู้ว่าเหมาะจะใช้กับอะไร ไม่โปรดเลย ลองใช้บั๊ฟฟ์ MMU ก็พุ่มแปรงเล็กนิดนึง ถู ฝน วน จนเมื่อยจั๊กกะแร้แหละ..กว่าจะบั๊ฟทั่วหน้าบานๆ ของอิชั้น ไม่เวิ๊ก ไม่เวิ๊กกกก… เข้ากรุไป

IMG_2252-s copy

มาถึงแปรง Crease หรือที่ใช้แต่งแต้มตรงที่ค่อนข้าง precise มากหน่อย อันแรกเลยเป็นแปรงเก่าแก่รุ่นแรกๆ ที่มีในครอบครอง เป็นแปรงนิรนาม 555 ใช้และเลิ๊บมาตลอด ใช้เวลาเขียนอายไลเน่อร์ ขนแปรงจิ๋วมาก ความดีดพอดีๆ ค่ะ

สองอันต่อมาเป็นคู่แฝด Black Pointed Crease จาก CoastalScents ขนาดของขนแปรงพอเหมาะกับงาน แต่ขนค่อนข้างแข็ง อิชั้นใช้เวลาที่เอาดินสอเขียนขอบตาแล้วก็เอาแปรงนี้แตะอายชาโด้ว์ฝุ่น แล้วเขียนทับรอยดินสอ เพื่อ “เซ็ต” ให้ไม่เยิ้มเป็นหมีแพนด้าค่ะ เนื่องจากขนแปรงค่อนข้างแข็ง ก็เลยไม่ค่อยใช้ เจ็บง่ะ

คู่ต่อมาเป็น Italian Badger Round Crease Brush ทำเบรนดิ้งก็พอได้ ทำสมัจด์ก็ได้ ขนนุ่มแน่นพอดีๆ ถือว่าพอใช้ได้ แต่ไม่ได้วิเศษวิโสอะไร ไม่มีก็ได้ ไม่ต้องดิ้นรนไปซื้อหามาค่ะ

สี่อันต่อมา ไม่บอกคงไม่เชื่อว่าเป็นแปรงชนิดเดียวกัน 5555 มีอยู่อันนึงที่ส่วนขนแปรงพุ่มใหญ่กว่าใครเพื่อน เป็นแปรง หัวจิ๋ว ขนเฟิร์มแต่นุ่ม แน่น ไม่ระคายเคือง ยี่ห้อ Essence of BEAUTY ถูกและดีมีในโลกค่ะ 555 ใช้ทำ smudge ดีมากๆ ทีแรกมีอันเดียวค่ะ ด้วยความที่ถูกใจเหลือเกิน ไปซื้อมาเพิ่มทีละอัน พอมาถึงบ้านเป็นงงๆ เอ๊ะ ทำไมมันไม่เท่ากัน 555 แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ใช้งานได้เหมือนกัน ด้ามแปรงไม่ยาวมาก แต่งตาใกล้ๆ กระจกได้สบายๆ เป็นอีกแปรงค่ะ ที่อิชั้นแนะนำ ของเค้าดีจริงๆ

คราวนี้ก็มาถึงแปรงแต่งตาที่ขาดไม่ได้ มีเรียกกันหลายชื่อ Smudge brush บ้าง Shadow Brush บ้าง ฯลฯ มันจะเรียกอะไรก็ช่างเถอะเน๊าะ แปรงพวกนี้เป็นแปรงขนสั้น ตัดแต่งโค้งเป็นรูปโดม ใหญ่-เล็ก หนา-บาง กว้าง-แคบ ต่างกันไป แปรงพวกนี้เอาไว้ แตะ ปาด ทา ถู ไถ eye shadow ค่ะ เลือกใช้กันให้เหมาะ สองอันแรกที่มีเป็นไอ้ดำก้านยาวที่สุด เรียกว่าแก่ชรามาด้วยกันเลย จากนั้นก็หามาเพิ่มเติมทีละอัน จนมีเป็นฝูงอย่างที่เห็น เป็นแปรงที่ใช้ง่ายเวลาแต่งตา แปรง POSH อันนี้เป็นอันเดียวที่ใช้คำว่า “ชอบ” ไอ้เจ้า mark ก็ปุ้มปุ้ยดี แต่ไม่ใหญ่มาก ใช้ง่าย ขนนุ่ม ราคาถูก แปรงสำหรับงานนี้ ถ้าไม่แข็งโป๊ก ก็ใช้ได้ดีค่ะ

 

คราวนี้มาถึง Blending brushes ค่ะ ชอบที่สุดเป็นอันล่างสุดค่ะ Essence of BEAUTY อีกแร้วววววว…… ต้องบอกว่าอันนี้ “ถูกและเริ่ด” คู่สีดำ Stiff Tapered Crease Eye Brush จาก  (Comparable to MAC 226 - เปรียบเทียบกะอีแม๊คอีกแระ 5555) ก็พอใช้ได้ค่ะ ส่วน e.l.f อันละ 1 เหรียญ ก็พอใช้ได้เหมือนกันค่ะ เจ้า Blending Fluff ของ CoastalScents (อันใหญ่สุด) ก็ใช้งานได้ดีค่ะ ไอ้อันที่ 2 ด้ามยาวผอมสีดำ นั่นเป็นแบบแบนๆ ของเก่าคู่บุญ ก็เริ่ดไม่แพ้ใคร ทนทานจริงๆ พวกเบลนดิ้งบรัชนี่ไม่ต้องคิดเยอะค่ะ เอาที่นุ่มๆ ฟูๆ หน่อย ขนาดพอเหมาะ ถูกแพงใช้ได้เหมือนกันหมด เรื่องเบลนด์มันอยู่ที่ฝีมือ 5555 ซื้อมาแพงๆ แต่ไร้ฝีมือ อะไรก็คงไม่ช่วย อิชั้นก็ถูไถใช้ไปเรื่อยๆ ค่ะ และยังคงต้องฝึกฝนต่อไปค่ะ

รูปนี้เป็นแปรงต่างๆ กันไป มีทั้ง Push Eyeliner Brush คือ 3 อันแรกเลย สีแดงเป็นแปรงศิลปะราคาถูก หางานใช้ให้เหมาะไม่ได้ เอามาลองเป็น push brush ก็ไม่เวิ๊ก แปรง push brush ของ Nars ก็ ไม่ค่อยดี กว้างไปหน่อย ไม่ถนัด อันที่ 3 แปรงนิรนามรุ่นบรรพกาล อันนี้เริ่ดสุด ถนัดมือ เลิ้บค่ะ ที่ปนๆ กันมาก็มีแปรงคิ้วของแม๊ค ซึ่งอิชั้นไม่ค่อยได้เอามาใช้ แปรงอายไลเน่อร์ของ CoastalScents ค่ะ ลองใช้เท่าไหร่ก็ไม่ยอมเชี่ยวชาญค่ะ กับการใช้เจลไลเน่อร์ ก็เป็นอันว่าไม่ค่อยได้เอามาใช้ แล้วก็มีแปรงคอนซีลเล่อร์ หลากหลายที่อิชั้นไม่ค่อยแตะต้อง หางานอย่างอื่นให้ทำก็ยังหาที่เหมาะไม่เจอค่ะ ก็เลยขยับเข้าไปไว้ในกรุซะก่อน 5555

พวกนี้เป็นแปรงปุ้มปุ้ย หรือที่เรียกอย่างสากลคือ Kabuki Brushes ค่ะ ที่เห็นจะเป็นของ elf เกือบทั้งหมด คือลองซื้อมาใช้ 1 อัน พอชอบก็เลยสั่งมาเพิ่ม ตอนเค้าลดราคาและมีโปรไม่เสียค่าส่ง สุดคุ้มมมมม…. มีอยู่ 1 อันที่เป็นขนยาวสำหรับใช้ปัดทั่วร่างกาย ซื้อมาไม่เคยใช้ 555 เดิมทีมี คาบูกิบรัชของ POSH อยู่ พอได้พวก elf มา ลองใช้เห็นความต่าง บั๊ฟได้เรียบเนียนเร็วดี เลยยกพ๊อชให้ลูกไป หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ส่วน Retractable Kabuki ของ mark 2 อันนั่น ถือเป็นคาบูกิบรัช 2 อันแรกที่มี เป็นแปรงของม๊าร์คที่คุณภาพดีมากๆ และราคาถูกปู้ดๆ ใช้พกพาโยนใส่กระเป๋ากลิ้งไปมาก็ไม่เลอะเทอะ ไม่ต้องหาภาชนะใส่ให้ยุ่งยาก ดูไฮจีนดีค่ะ

มีข้อติสำหรับคาบูกิบรัชอยู่อย่างนึงค่ะ คือมันไม่มีด้ามจับ ไม่ถนัดเลยค่ะว่ะ อิชั้นเก็บแปรงปุ้มปุ้ยพวกนี้ในหลอดยาค่ะ สะดวกเก็บ สะดวกใช้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ค่ะ ไปหาหลอดยามาเร็วๆ ค่ะ

ต่อมาก็มาที่ลิปบลัช ชอบสุดก็ 3 อันแรกค่ะ อันที่ 3 เป็นแปรงคู่บุญ อยู่กันมานานโข หลังๆ ตาชักถั่ว เวลาเสียบแปรงกลับเข้าไป แล้วเล็งไม่ดี ทำเอาขนหัก ขาด บิดๆ เบี้ยวๆ ไปหลายเส้นเลยค่ะ เสียดายมาก เป็นแปรงที่ดีมากๆ ถือว่าเป็น Lip Brush ในดวงใจที่อิชั้นโปรดที่สุด นอกนั้นก็ซื้อมาต่างกรรมต่างวาระ ไอ้ Isomers ก็ใช้ดีนะ ขนแปรงดีเชียวค่ะ เป็นแบบดึงลงแล้วแปรงโผล่ขึ้นข้างบน ใส่กระเป๋าไปไหนมาไหนด้วยสะดวกดี แต่คิดว่าไม่ค่อยสะอาด เพราะตรงปลายไม่มีฝาปิดค่ะ ส่วน 2 อันบนสุดสีฟ้า เป็นแปรงศิลปะ ทาลิปดีมากๆ เป็น taklon ความดีดสูง แน่นพอดิบพอดี ไม่อมสี ล้างทำความสะอาดง่าย จำได้ว่าซื้อมาแพ๊คละ $2.99 ค่ะ เริ่ดมากกกกกก….. เริ่ดเกินราคา…ขอบอก ใช้ทุกวันเลย อันใหญ่ใช้ทาลิปม๊อยส์เจ้อร์ก่อนนอน อันเล็กใช้ทาลิปสีเวลาแต่งหน้า เป็นแปรงที่รักจริงๆ นะคะ

IMG_1552 copy

มาถึงพวกแปรง 2 หัว นังพวกด้ามแดงพ๊อช ได้ยกให้ลูกสาวเอาไปเล่นนานแล้ว ไม่ชอบเลยค่ะ ส่วนด้ามดำคู่บน ไม่ค่อยได้พูดถึง ซื้อมาจาก CVS ราคาถูกมาก แต่คุณภาพดีมากกกกกกกกกกกกกก….. เจ้ขอแนะนำให้ไปหามาใช้กัน คู่นี้เอาใส่กระเป๋าไว้เวลาเดินทาง แต่ไม่ยักกะได้ไปไหนเหมือนใครเค้า เลยลากออกมาไว้ใช้ตามปกติค่ะ

IMG_1555-1 copy

มาถึงแปรงศิลปะราคาถูก ที่พูดถึงอยู่เรื่อยๆ เอารูปมาแปะให้ดูค่ะ แพ๊คละ 4 และ 6 อัน ราคาไม่เกิน 3 เหรียญทั้ง 2 แพ๊คค่ะ ชุดด้ามสีฟ้า เริ่ดดดดด…มาก นี่คือ Lip Brush ที่อิชั้นชอบมากกกกกก… พูดไว้ข้างบนแล้ว ส่วนด้ามสามเหลี่ยมหลากสี เคยใช้แต่ไอ้อันใหญ่สุดด้ามแดง ตอนทาโฮมเมดมาส์ก ก็เวิ๊กดีนะคะ แต่ไม่ได้ทำบ่อยๆ นานๆ จะนึกออกซะที เพราะมีมาส์กสำเร็จรูปเข้าคิวให้ใช้อยู่เต็มเลยค่ะ

page-279 copy

จริงๆ มีแปรงอีกหลายอัน แต่ไม่ค่อยน่าสนใจ มี Travel Set อยู่ 3-4 เซ็ต ส่วนมากเป็นของแถม มีเซ็ตที่ซื้อแล้วไม่ชอบเลยก็ของ POSH ส่วนชุดของ mark ชุดนี้ราคาถูกมากๆ และขนแปรงดีทีเดียว ปัจจุบันเป็นของเล่นของลูกไปแล้ว ที่เอาเทปลายหัวใจพันรอบๆ ปลอกแปรงไว้ เพราะเวลาตกหล่นจากโต๊ะจะได้มองเห็นค่ะ บางทีหาไม่เจอ เพราะตาไม่ค่อยดี อะไรใสๆ หล่นไปก็ไม่ต้องหากัน ส่วนกระเป๋าแปรงจาก mark เช่นกัน วัสดุดีมาก ราคาไม่แพงเช่นกัน mark มีโปรโมชั่น free shipping บ่อยมาก ซื้อครบ 25 เหรียญ ก็ไม่ต้องจ่ายค่าส่งแล้วค่ะ แต่ไม่เคยใช้เมคอัพของเค้าว่าคุณภาพเป็นยังไง ซื้อของจาก mark ไม่กี่ครั้งหรอกค่ะ ส่วนมากก็เป็นแปรงที่เห็นนี่แหละค่ะ

คราวนี้ก็มาถึงวิธีดูแลบรัชทั้งหลายของอิชั้น เริ่มด้วยการเก็บ ก็เอากระป๋องกระแป๋งที่หาได้ แล้วเอาแกนทิชชู่มาเสียบใส่ให้พอเหมาะ ถ้ามันกว้างมากๆ ก็ตัดเอาขวดน้ำมายัดๆ แปรงมันจะได้ไม่ล้มค่ะ อิชั้นใช้วิธีนี้กับที่ใส่ปากกาดินสอด้วยค่ะ บางทีขวดโหล ไห โอ่ง ที่เราเจอน่ารัก มันก็กว้างจนเสียบอะไรไม่ได้ เทคนิคนี้ช่วยได้ค่ะ

page-brush-01 copy

นานมาแล้วอิชั้นเห่อกับสินค้าตัวหนึ่ง เป็นสินค้าเพื่อแปรงที่คุณรัก ชื่อว่า Brush Guard ลงทุนเลยค่ะ ลากซื้อมาหลายแพ๊ค เอามาเสีบย มาสวม เพื่อปกป้องแปรงที่รักยิ่งของอิชั้น พอใช้ไปได้พักนึง แปรงพังหมดเลยค่ะ เป็นเพราะอะไรน๊าาา… เพราะแรงดึงดูดของโลก (โทษธรรมชาติ 555) เพราะการหยิบแปรงมาใช้ หยิบเข้า-หยิบออก มือไม้ไปรูดร่นให้ไปไอ้การ์ดนั่นไหลลงโดนไม่ได้ตั้งใจ พอนานๆ ไป หยิบแปรงมาใช้ เอ๊ะ…ทำไมแปรง ขนหัก หมดเลย ไม่ว่าไอ้การ์ดนั่นจะแน่นพอดิบพอดีแค่ไหน มันก็ไหลลงได้ค่ะ สุดท้ายเลยต้องเอาไอ้การ์ดเก็บไปแบบลืมกันไปเลยจะดีกว่า จะมีก็เอาไอ้ขนาดจัมโบ้ไว้ข้างนอก เพราะเวลาล้างแปรงปุ้มปุ้ยแล้วเอาตั้งไว้ (น้ำจะได้ไม่ไปทำความเสียหายให้กับกาวในตัวแปรงค่ะ) มีประโยชน์แค่นั้นจริงๆ เค้าโวว่ามันดีไปซะทุกอย่าง ใช้เก็บรักษาแปรงให้คงสภาพ ใช้ได้แม้แต่กับแปรงรูปร่างประหลาดๆ ใช้เวลาเดินทาง ฯลฯ สารพัดมหัศจรรย์มากกก… เฮ้อออ… เวลาอิชั้นจะไปไหนๆ (ซึ่งไม่ค่อยได้ไปนิ 555) ก็เอาแปรงที่คิดว่าจำเป็นใช้ใส่กระเป๋าแปรงแบบม้วนๆ มี slots ใส่แปรง มีแผ่นๆ มาปิดด้านบนส่วนขนแปรงก่อนม้วนค่ะ แปรงทุกอันเดินทางปลอดภัยกันดีทุกครั้ง มาดูรูปค่ะ Pictures tell all!

page-brush-02 copy

มาถึงเทคนิควิธีการตากแปรงแต่งหน้าที่อิชั้นอยากจะแชร์ค่ะ อิชั้นได้ลองทำมาแล้วมากมายหลายวิธี แขวน ห้อย วาง เสียบ ฯลฯ สารพัดวิธีจริงๆ นะคะ ที่อิชั้นลองมา สุดท้ายมาเจอวิธีนี้เข้า ชะงัดเลยค่ะ ช่างง่ายดาย เวิ๊กมาก ดูรูปแล้วใครๆ ก็ทำได้ วัสดุหาง่าย ทุกบ้านมี เริ่มต้นเลย หากระป๋องมา 1 อัน จะเป็นโลหะ พาสติก สี่เหลี่ยม วงกลม หรือกล่องอะไรก็ได้ค่ะ หาที่ขนาดพอเหมาะ จากนั้นก็เอาผ้าขนหนูค่ะ มาม้วนๆ ใส่ ตอนที่ไอเดียเกิด อิชั้นมีแผ่นฟองน้ำอยู่หน่อยนึง เลยเอาแผ่นฟองน้ำมาม้วนๆ ใส่กระป๋องดู ปรากฏว่ามีฟองน้ำไม่พอมันเลยหลวมไปหน่อย เกือบจะสิ้นหวังเลยค่ะ พอดีนึกถึง kitchen towel เอามาห่อฟองน้ำอีก มันก็อ้วนไม่พอ ก็เลยไปลองเอาผ้าขนหนูที่ใช้ในครัวมาค่ะ พับให้กว้างเท่ากับกระป๋อง แล้วก็ม้วนๆ จับยัดเข้าไปในกระป๋อง พอเราล้างแปรงเสร็จก็เอามาเสียบๆๆๆ วางกระป๋องตะแคงข้าง กดให้หัวแปรง tilt ลงนิดๆ นะคะ น้ำจะได้ไม่ไหลซึมย้อนเข้าไปในหัวแปรงค่ะ (ยังคาใจ ..ว่า… ถ้ามีแผ่นฟองน้ำ คงจะดีกว่านี้แน่ๆ ถ้าใครมีแผ่นฟองน้ำก็ลองดูนะคะ ดัดแปลงกันไปค่ะ อาจจะมีไอเดียที่บรรเจิดกว่าอิชั้น) เวลาเลิกใช้ก็เอาฝาปิดไว้กันฝุ่นลงผ้าค่ะ

page-brush-03 copy

รูปนี้คือ แปรงค่ะ 555 รูปแรกเป็นรูปแปรงประวัติศาสตร์ค่ะ ขุดออกมาจากรุกรุงเก่าเชียว 5555 ทั้ง 3 ชั้น ใช้มาตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา อันแรกจาก Boots สมัยโน้นไม่รู้หรอกเค้าใช้แปรงชนิดไหนทำอะไร ก็ซื้ออันนี้มาเลย ปัดแก้ม ทาแป้ง ได้หมด 5555 อันที่ 2 จาก Body Shop ตอนนั้นใช้บรอนเซ่อร์ที่เป็นเม็ดๆ ของบอดี้ช้อป เค้ายุให้ซื้อก็ซื้อค่ะ จำได้ว่า บอดี้ช้อปเพิ่งเข้ามาเมืองไทยใหม่ๆ เลย เก๋ากึ๊กมาก อันที่ 3 น่าจะเป็นแปรงสำหรับคอนซีลเล่อร์ แต่ไม่รู้หรอก เห็นว่าเหมาะกับทาปาก ก็ซื้อเอามาทาปาก จากไหนก็ไม่รู้ ไม่มีอะไรจารึกไว้ค่ะ ส่วนรูปล่างเป็นแปรงที่โปรดค่ะ จะเห็นว่าถูกแพงไม่สำคัญ อันไหนถนัดมือ ใช้ได้ดี ก็หยิบใช้บ่อยๆ ค่ะ

ท้ายสุด-สุดท้าย อิชั้นเอามาแบ่งปันกันดู วิเคราะห์ตามความรู้สึก “ชอบ-ไม่ชอบ” ของตัวเอง คุณๆ อาจอ่านเป็นไอเดียก่อนตัดสินใจซื้อหามาใช้ แต่ถ้าหากชอบพอ พึงใจ ไม่เหมือนกัน ก็อย่าโกรธกันนะคะ เพราะ “ลางเนื้อชอบลางยา” และ “นานาจิตตัง” ค่ะ เทคนิคต่างๆ ก็ไม่หวงห้าม นำไปใช้กันได้ค่ะ แปรงซื้อกันมาปพงๆ ก็ต้องรักษา มันจะได้อยู่กับเราไปนานๆ ให้คุ้มค่าเงินที่จ่ายไปค่ะ